อาหารทุกอย่างที่เรากิน ล้วนมีผลต่อสุขภาพลำไส้ของเราโดยตรงค่ะ เนื่องจากลำไส้นอกจากจะดูดซึมสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ที่เราได้รับเข้าไปแล้ว ยังทำหน้าที่ในการกำจัดของเสีย หรือสารพิษภายในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นการดูแลสุขภาพลำไส้เป็นสิ่งที่สำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ
สุขภาพลำไส้ของเรานั้น ล้วนส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของเราค่ะ หากลำไส้ของเราขาดความสมดุล ร่างกายจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เพราะลำไส้ของเราเปรียบเสมือนเครื่องฟอกของเสียที่ทำให้ร่างกายสะอาดและเป็นเครื่องผลิตพลังงาน หากเครื่องฟอกเสีย ร่างกายของเราจะทรุดโทรมตามไปนั่นเอง
สัญญาณเตือนที่จะคอยบอกว่า สุขภาพลำไส้ของเรากำลังมีปัญหา มีทั้งการขับถ่ายยาก ตัวบวม รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ซึ่งอาการเหล่านี้อาจแปลว่าเรากำลังประสบปัญหาในการย่อยอาหาร และควรดูแลลำไส้โดยการดีท็อกซ์ให้ลำไส้สะอาด และกลับมาสมดุลดังเดิม เพราะการดีท็อกซ์จะช่วยให้สารพิษในร่างกายลดลง ลดอาการท้องผูก ช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้น และที่สำคัญคือทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ และยังป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียสมดุลอีกด้วยค่ะ
ดังนั้นวันนี้ เราจึงรวบรวมอาหารดี ๆ ที่ช่วยในการดีท็อกซ์ลำไส้ เพื่อคืนความสมดุลให้ร่างกาย และเพื่อสุขภาพที่ดีมาฝากทุกคนกันค่ะ จะมีรายการอาหารอะไรบ้าง ไปดูกันเลยย
CheckList อาหาร ปรับสมดุล ดีท็อกซ์ลำไส้ ห่างไกลมะเร็ง
1.ผักที่มีกากใยสูง
อาหารที่มีกากใยสูงสามารถช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะกากใยเป็นส่วนประกอบของอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้ในลำไส้ แต่จะถูกย่อยในลำไส้ใหญ่โดยแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้นั่นเอง การทานอาหารที่มีกากใยสูงจะช่วยกระตุ้นการทำงานของแบคทีเรียและจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหารและขับถ่ายของลำไส้ นอกจากนี้ การบริโภคอาหารที่มีกากใยสูงยังช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งลำไส้
อาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักกาดขาว ผักบุ้ง ผักกาดแก้ว ผักกระเฉด ผักหวานป่า ผักบัวบก คะน้า ถั่วลันเตา ข้าวโพด แตงกวา และมะละกอ
2. อาหารที่มีโพรไบโอติก
อาหารที่มีโพรไบโอติกเป็นอาหารที่มีส่วนประกอบจากสารอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายค่ะ โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ ซึ่งโพรไบโอติกช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางเดินอาหารนั่นเอง
อาหารที่มีโพรไบโอติกมีหลากหลายประเภท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผัก ผลไม้ และอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ถั่ว เม็ด และธัญพืช นอกจากนี้ ยังมีอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งด้วยวิธีการที่ไม่ทำลายโพรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต และเครื่องดื่มที่ผสมผสานจากผักและผลไม้นั่นเองค่ะ
3. ผลไม้ที่มีกากใยสูง
ผลไม้ที่มีกากใยสูงเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลายชนิดอีกด้วย
ผลไม้ที่มีกากใยสูงที่น่าสนใจและเป็นที่นิยม เช่น แอปเปิ้ล กล้วย ส้ม และมะละกอ ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นแหล่งของวิตามิน ฟอสฟอรัส และไนแตรต์
4.ผักและผลไม้ที่มีเอนไซม์
การรับประทานผลไม้และผักที่มีเอ็นไซม์สามารถช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเอ็นไซม์จะช่วยย่อยอาหารในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ เอ็นไซม์ยังช่วยลดอาการอักเสบและปวดท้อง และช่วยเพิ่มเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันด้วย
ผลไม้และผักที่มีเอ็นไซม์ได้แก่ สับปะรด กล้วย แตงกวา แตงโม ผักกาดขาว ผักกาดแก้ว ผักบุ้งจีน ผักกระเฉด ผักชี ผักโขม
5.อาหารที่มีโปรตีนสูง
การบริโภคอาหารที่มีโปรตีนสูงสามารถช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ได้ เพราะโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์ในร่างกายและมีบทบาทสำคัญในการสร้างเนื้อเยื่อ อีกทั้งยังช่วยสร้างฮอร์โมนและเอนไซม์ที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้นค่ะ โดยเฉพาะเนื้อปลาและไก่ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียดีในลำไส้ และช่วยให้กระบวนการย่อยอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ
6. ผลไม้และผักที่มีความเป็นกรด
ผลไม้และผักที่มีความเป็นกรดสามารถช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ได้ดี เพราะมีส่วนประกอบที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ ผลไม้และผักที่มีความเป็นกรดยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์และซ่อมแซมเซลล์ได้ดีขึ้น ตัวอย่างของผลไม้และผักที่มีความเป็นกรดและช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ได้ เช่น ส้มโอ แตงกวา กล้วย สับปะรด มะนาว และผักชนิดต่าง ๆ เช่น ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน ผักกระเฉด
7. ผลไม้และผักที่เป็นเครื่องเทศ
เครื่องเทศเป็นอาหารอีกหนึ่งประเภทที่ช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ได้เป็นอย่างดีเช่นกันค่ะ ตัวอย่างของเครื่องเทศที่ช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ได้ได้ดีคือ พริกไทย ซึ่งเป็นเครื่องเทศที่ใช้กันทั่วไปในการปรุงอาหาร ซึ่งพริกไทยมีสาร Piperine ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และช่วยในการย่อยอาหารได้ดี นอกจากนี้ พริกไทยยังช่วยลดการเกิดแก่นของลำไส้และช่วยในการขับถ่ายของสารพิษในร่างกายได้อีกด้วยค่ะ
8.น้ำเปล่า
และสิ่งสุดท้าย ที่จำเป็นมาก ๆ ต่อลำไส้และร่างกายของเรา นั่นคือน้ำเปล่านั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเราทานอาหารเพื่อสุขภาพไปมากเท่าไหร่ หากเราดื่มน้ำน้อย ร่างกายก็จะขาดความสมดุลอยู่ดีค่ะ น้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกายและช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ จะช่วยล้างของเสียออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้การดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ยังช่วยปรับสมดุลธาตุภายในร่างกาย และช่วยให้ระบบลำไส้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคไต โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ปริมาณน้ำเปล่าที่ควรดื่มในแต่ละวันนั้น ขึ้นอยู่กับน้ำหลักของแต่ละบุคคลค่ะ แต่โดยทั่วไปแล้ว ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 2-2.5 ลิตรต่อวัน นั่นเอง
และนี่คืออาหาร 8 ประเภท ที่ช้วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ลำไส้ ที่เรานำมาฝากกันค่ะ ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้บ่อย ๆ ระบบย่อยอาหารไม่ดี การแก้ไขง่าย ๆ เริ่มต้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเรานั่นเอง หากทานอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารที่ช่วยให้ระบบการขับถ่ายและย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น ร่างกายของเราก็จะสุขภาพดีขึ้นตามไปนั่นเองค่ะ