หน้าหนาวเป็นฤดูที่ใครๆ ก็โปรดปราน เพราะเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนเหนอะหนะ แต่ปัญหาที่มักจะพบบ่อยก็คือความแห้ง เนื่องจากสภาวะอากาศในช่วงฤดูหนาว อากาศจะมีความชื้นสัมพัทธ์ลดลง การสูญเสียน้ำออกจากผิวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นปัญหาผิวส่วนใหญ่ของคนไทยในช่วงฤดูหนาว จะเป็นปัญหาในเรื่องของผิวแห้ง หยาบ เมื่อผิวแห้งมากๆ ก็จะเกิดอาการคัน มีผื่นขุย และมีโอกาสแตกเป็นแผลและติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงต่อการพบภาวะผิวแห้ง หรือ ผื่นคันเห่อในช่วงฤดูหนาวได้แก่
1. ผู้สูงอายุ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสรีระ ของผิวหนังหลายประการ เช่น ปริมาณไขมันในชั้นผิวหนังลดลง การทำงานของต่อมเหงื่อลดลง ทำให้เกิดภาวะผิวแห้งได้ง่ายขึ้น
2. บุคคลที่มีภาวะผิวหนังผิดปกติอื่นๆ เช่น เด็กหรือผู้ใหญ่ที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอยู่ก่อน ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินผู้ป่วยกลุ่มนี้ ผิวจะแห้ง และผื่นจะเห่อมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว
3. บุคคลที่มีโรคประจำตัวบางชนิด หรือ รับประทานยาบางกลุ่ม จะทำให้มีผิวแห้งมากกว่าคนปกติ เช่น คนที่เป็นโรคตับหรือโรคไต จะมีผิวแห้งมากกว่าปกติ หรือผู้ที่รับประทานยากลุ่มยาลดไขมันบางตัว ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น
4. ปัจจัยเสริมบางประการ เช่น การอาบน้ำบ่อยๆ โดยใช้สบู่อาบน้ำที่มีค่าความเป็นด่างสูง หรือ ชอบอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน การขัดผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวถี่เกินไป
อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ มาดู 9 ทริค รับมือปัญหาผิวช่วงหน้าหนาว ฉบับสาว LAB Society ให้คุณได้ออกมาลั้ลลาท้าลมหนาว อวดผิวสวยแบบไม่ต้องกลัวผิวเสีย
1. ดื่มน้ำเปล่า
การดื่มน้ำถือว่าเป็นวิธีการพื้นฐานที่ดีและง่ายที่สุด ถ้าต้องการดูแลผิวหน้า ผิวกาย และริมฝีปากให้นุ่มชุ่มชื้น ชนิดที่ว่าให้หนาวแค่ไหนก็ไม่หวั่น ก็เพียงแค่ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะการดื่มน้ำน้อย จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น แลดูหยาบกร้าน บวกกับสภาพอากาศที่แห้งและเย็น จึงทำให้เกิดปัญหาผิวแห้ง และปากแตกเป็นขุย ดังนั้น ใครอยากดูแลผิวช่วงหน้าหนาว ให้ผิวโกลว์ ปากนุ่มเด้ง อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วยล่ะ
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญของการดูแลผิวแห้งกร้านในช่วงหน้าหนาวให้กลับมาสดใสเปล่งปลั่ง เพราะในเวลากลางคืน ช่วงระหว่างเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมาเพื่อซ่อมแซมร่างกายและผิว ทำให้แก่ช้า ผิวไม่แห้งเหี่ยว หน้าตาสดใส ใต้ตาไม่คล้ำเป็นหมีแพนด้า
ใครที่ต้องการมีผิวสวย แต่ยังนอนดึก นอนน้อย หรือมีปัญหานอนไม่หลับ คุณควรเริ่มจากการปรับเวลานอน หรือมองหาวิธีให้นอนหลับง่ายขึ้น เพื่อสุขภาพผิวและปากของคุณจะได้กลับมาสดใส ชุ่มชื้น ไม่แห้งแตก ในช่วงหน้าหนาว
3. วิตามินบีช่วยได้
ร่างกายขาดวิตามินเป็นเหตุผลหลักของปัญหาผิวหลายอย่าง รวมถึงปัญหาผิวแห้งและปากแตกหน้าหนาวอีกด้วย สำหรับใครที่อยากดูแลผิวพรรณ วิตามินบีถือเป็นวิตามินที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย วิตามิน B1, B2, B3, B5, B6, B7, B9 และ B12
โดยคุณสามารถรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีได้ง่ายๆ เช่น ไข่แดง นม โยเกิร์ต เนื้อสัตว์ ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต ธัญพืช น้ำส้ม หรือน้ำมะเขือเทศ เป็นต้น ใครที่อยากดูแลผิวช่วงหน้าหนาว ก็อาจเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินบีมาทานเพิ่มเติม แต่ก็อย่าลืมศึกษาวิธีกินวิตามินที่ถูกต้อง เพื่อการกินอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
4. เลือกอาหารบำรุงผิวและริมฝีปาก
การเลือกอาหารที่บำรุงผิวและริมฝีปากก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้ผิวแตกปากแห้งในช่วงหน้าหนาวได้ ทริคในการเลือกอาหารก็ไม่ยาก เพียงแค่คุณเลือกอาหารที่มี Probiotic (โพรไบโอติก) สูง เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว และอาหารที่มีไขมันดี อย่างเช่น ถั่วเปลือกแข็ง อัลมอนด์ ปลาทะเล
นอกจากนี้ การทานอาหารจำพวกผักและผลไม้บำรุงผิวก็จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อผิว ช่วยให้ผิวไม่ขาดน้ำ แถมยังสดใสอมชมพู แลดูสุขภาพดี ซึ่งผักผลไม้บำรุงผิวก็อย่างเช่น
- อะโวคาโด: หนึ่งในประโยชน์ของอะโวคาโดนั้น คือเป็นผลไม้บำรุงผิวยอดนิยมที่ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งได้ เพราะประกอบไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด ช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และไม่แห้งกร้าน
- ทับทิม: เคยสังเกตกันไหมว่า ในครีมบำรุงผิวหลายตัวจะมีส่วนประกอบของทับทิมเป็นตัวชูโรงในเรื่องการแก้ปัญหาผิวต่างๆ เพราะเมล็ดทับทิมมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการผิวแห้งอักเสบ ระคายเคืองได้เป็นอย่างดี
- กล้วย: ผลไม้ยอดนิยม หาซื้อง่าย แถมมีประโยชน์หลายด้าน กล้วยอุดมไปด้วยวิตามินหลากชนิด มีใยอาหารสูง ช่วยขับสารพิษและฟื้นฟูผิวที่แห้งเสียให้กลับมาอ่อนนุ่ม และน่าสัมผัส
- แตงกวา: ผักที่ให้ความสดชื่นและชุ่มชื้น เพราะมีน้ำเป็นส่วนประกอบเยอะ คนจึงนิยมนำมารับประทานรวมถึงนำมามาร์กหน้า เพื่อคืนความสดชื่นให้กับผิว ให้ผิวไม่แห้งเสียแม้อากาศติดลบ
- ว่านหางจระเข้: ว่านหางจรเข้มีฤทธิ์เย็น เป็นส่วนประกอบยอดนิยมที่พบเจอได้บ่อยในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยสามารถนำมาทาผิวก็ได้ หรือรับประทานก็ดี มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน
นอกจากอาหารที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว หากอยากแก้ปัญหาผิวแห้งและริมฝีปากแตกหน้าหนาว และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ก็พยายามหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม อาหารแปรรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะอาหารจำพวกนี้จะทำให้ร่างกายขับน้ำ ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นนั่นเอง
5. เลี่ยง ลด ละ เลิก พฤติกรรมบางอย่าง
พฤติกรรมบางอย่างที่คุณทำอยู่เป็นประจำ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งและปากแตกได้ ยิ่งในช่วงหน้าหนาวอากาศแห้ง ยิ่งทวีความรุนแรง เพราะฉะนั้น มาเช็กพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ที่ควรลด ละ เลิก หากอยากให้ผิวที่แห้งเสีย และริมฝีปากที่แห้งกร้าน กลับมานุ่มชุ่มชื้นอีกครั้ง
- เลียปากบ่อย: หยุดเดี๋ยวนี้! หากคุณชื่นชอบการเลียปากบ่อยๆ เพราะการเลียปากไม่ได้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากสักนิด แต่กลับทำให้ปากยิ่งแห้งและคล้ำขึ้นได้
- แกะปาก: คันไม้คันมือทุกครั้งที่ปากแห้ง อยากเอามือไปล้วงแคะแกะเกา หยุดพฤติกรรมนี้ด่วน เพราะยิ่งแกะก็ยิ่งแห้งแถมยังทำให้ปากแตกเลือดออกได้
- สูบบุหรี่: บุหรี่มีแต่โทษ นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งแล้ว ในส่วนผสมของบุหรี่ยังมีคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) และสารเคมีอื่นๆ ที่ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวหยาบกร้าน ปากแห้งดำ และแก่เร็วอีกด้วย
- อาบน้ำอุ่นจัด-ร้อน: ช่วงหน้าหนาวเวลาอาบน้ำอุ่นมันช่างผ่อนคลายสบายตัวเสียเหลือเกิน แต่ทว่าน้ำอุ่นเป็นตัวการร้ายทำลายน้ำมันบนผิว ทำให้ผิวแห้งลอก แตกเป็นขุย
6. เลี่ยงสารเคมี
สารเคมีบางครั้งก็เลี่ยงยาก เพราะมันแฝงมาอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เราใช้กัน แต่ก็ใช่ว่าจะเลี่ยงไม่ได้ เพียงรู้จักเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนไม่ทำลายผิว อย่างการเลือกสบู่ ควรใช้สบู่ที่มีค่า pH อ่อนๆ ประมาณ 5 และหลีกเลี่ยงสบู่ที่มี SLS เพราะอาจทำผิวแห้งตึง
รวมถึงสิ่งใกล้ตัวอย่างยาสีฟันที่มีส่วนผสมของ SLS ก็ทำให้ริมฝีปากเกิดอาการแพ้ ปากแตกเป็นขุยได้ หรืออย่างการใช้ลิปสติก ก็ควรเลือกที่มีคุณภาพ และไม่มีสารเคมี อย่างลิปออแกนิค เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้ปากของคุณแห้งแตกมากไปกว่าเดิม
7. ให้ธรรมชาติช่วยคงความชุ่มชื้น
เพราะธรรมชาติจะเยียวยาทุกสิ่ง บางครั้งสิ่งใกล้ตัวและหาง่ายอย่างของจากธรรมชาติกลายเป็นสิ่งที่ถูกมองข้าม เมื่อผิวแห้งและปากแตกในช่วงหน้าหนาว ลองหันมาใช้สิ่งเหล่านี้คืนความชุ่มชื้นให้กับผิวและริมฝีปาก ให้กลับมาเนียนนุ่ม น่าสัมผัส กันดีกว่า
- ขี้ผึ้ง: ขี้ผึ้งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มักพบในลิปบาล์ม และเป็นส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ซึ่งขี้ผึ้งช่วยเติมความชุ่มชื้น และปกป้องไม่ให้ริมฝีปากแห้งแตก
- น้ำผึ้ง: ผลผลิตจากธรรมชาติอีกตัวที่มีความน่ามหัศจรรย์อย่างน้ำผึ้ง เป็นมอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติที่มีความปลอดภัย สามารถนำมาทาบนปากแล้วทิ้งไว้ หรือจะผสมกับสครับเพื่อขัดเอาผิวที่แห้งให้หลุดออก เพื่อล็อกความชุ่มชื่น มอบความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก
- น้ำมันมะพร้าว: หน้าหนาวเข้ามาทีไรผิวกายแห้งแตกเป็นแผนที่โลก น้ำมันมะพร้าวช่วยได้ เพราะให้ความหอมแบบธรรมชาติและยังเติมน้ำให้กับผิว ทำให้ผิวดูฉ่ำเนียน อิ่มน้ำแบบสุดๆ
8. สครับผิวและปากให้ถูกวิธี
คุณอาจจะคิดว่าการสครับผิวทำให้ผิวแห้ง หรือปากลอกมากกว่าเดิมได้ แต่ก็ไม่ใช่เสมอไป นั่นอาจเป็นเพราะคุณยังไม่รู้ว่ามีสูตรสครับผิวและริมฝีปาก ที่เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละประเภท และปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป
แน่นอนว่าเมื่ออากาศเย็นลง หลายๆ คนก็ประสบปัญหาผิวแห้งแตก เป็นคราบขุยขาวๆ หรือปากแห้งลอกไม่น่ามอง ทริคมันก็อยู่ที่ส่วนผสมในการทำสครับนี่เอง เพียงเลือกส่วนผสมให้เหมาะกับผิวแห้ง เช่น น้ำมันผึ้ง น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว ใบบัวบก หรือว่านหางจระเข้ มาใช้ในสครับก็ไม่ต้องกังวลว่าผิวจะระคายเคือง หรือแห้งลอกไปมากกว่าเดิม แค่นี้ก็เตรียมอวดผิวใส เนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน ท้าลมหนาวไปเลย!
9. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและริมฝีปาก
ในช่วงที่อากาศหนาวเย็น บอกเลยว่าเป็นไปได้ยากที่ผิวและริมฝีปากจะไม่แห้ง ดังนั้น ไม่ควรละเลยการบำรุงผิวบริเวณเหล่านี้ อย่างผิวหน้าและผิวกาย คุณสามารถเติมความสดชื่นให้ผิวด้วยโลชันดูแลผิวแห้งในช่วงหน้าหนาว โดยเน้นที่เนื้อครีมเข้มข้น คงความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน หรือสามารถทาน้ำมันบำรุงผิวอย่าง น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันโรสฮิป เป็นต้น
ส่วนริมฝีปากก็ต้องหมั่นขยันทาลิปบาล์ม เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก แต่ควรหลีกเลี่ยงลิปบาล์มที่มีส่วนผสมที่ให้ความเย็น Hyaluronic Acid และ Mineral Oil เพราะจะยิ่งทำให้ปากแห้งมากกว่าเดิมได้