fbpx

อายุเท่าไหร่ควรเริ่มใช้กันแดด

แสงแดดเป็นอันตรายต่อผิว โดยเฉพาะผิวของเจ้าตัวเล็กยิ่งมีความบอบบางมากกว่าผิวของผู้ใหญ่ การทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะถ้าปล่อยให้ลูกน้อยสัมผัสกับแสงแดดนาน ๆ รังสีอัลตราไวโอเลตอาจเป็นตัวการทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดรอยไหม้จากแสงแดด เกิดริ้วรอยที่ผิวหนัง และเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นการทาครีมกันแดดเป็นประจำ เมื่อต้องสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงจึงช่วยปกป้องผิวและทำให้ลูกน้อยมีสุขภาพผิวที่ดีได้

การเลือกครีมกันแดดให้ถูกต้องคือสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องรู้เพื่อปกป้องผิวลูกน้อย ได้แก่

ครีมกันแดดทาได้ต้อง 6 เดือนขึ้นไป

ครีมกันแดดควรเริ่มทาให้กับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ถ้าอายุต่ำกว่า 6 เดือนยังไม่แนะนำให้ใช้ เนื่องจากผิวของเด็กยังบอบบางอยู่มาก อาจเกิดการแพ้ ระคายเคือง และมีการดูดซึมสารเคมีเข้าสู่ผิวได้


เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือนอย่าตากแดด

ในเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน วิธีกันแดดที่ปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการตากแดดโดยเฉพาะช่วงเวลาที่แดดแรงจัด คือ  10.00 – 16.00 น. หรือถ้าจำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมที่โดนแดด ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และกางร่ม 


Physical Sunscreeปกป้องไม่ทำร้ายผิวเด็ก

ในเด็กอายุมากกว่า 6  เดือน สามารถใช้ครีมกันแดดที่ทำจากสารประเภท Physical Sunscreen ทำหน้าที่สะท้อนรังสี UV ออกจากผิวหนังทันที ส่วนผสมของสาร Physical Sunscreen นี้ไม่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังและปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้ปกครองควรสังเกตข้างฉลากมักมีส่วนประกอบของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide เป็นหลัก เนื่องจากแต่ละผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน แนะนำให้อ่านฉลากกำกับทุกครั้งก่อนการใช้


ครีมกันแดดต้องสำหรับเด็กเท่านั้น

ครีมกันแดดที่ใช้กับเด็ก ควรเป็นครีมกันแดดสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ลูกได้รับสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย ควรเลือกครีมกันแดดชนิดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป นอกจากนี้หากครีมกันแดดเป็นชนิดกันน้ำ จะเพิ่มประสิทธิภาพในการกันแดดมากยิ่งขึ้น ขอแนะนำ

Amor กันแดดสำหรับเด็ก SPF50 PA+++

ปกป้องผิวได้นานกว่ากันแดดออร์แกนิก ส่วนผสมจากธรรมชาติ

– ใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป

– ป้องกันรังสี UVA ได้ถึง 8 เท่า

– ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้มากกว่า 98%

– ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้

– ไม่มีพาราเบน

– ไม่มีแอลกอฮอล

์– ปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อม

เครดิต : Bangkok Hospital