วันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งที อะไรจะดีไปกว่าการได้พักผ่อน หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียดมาทำให้จิตใจปลอดโปร่ง สำหรับใครที่ชอบดูหนัง หรืออยากหาหนังฟีลกู้ดดี ๆ มาเติมไฟให้จิตใจแจ่มใส วันนี้ LAB Society ได้มัดรวม 10 หนัง Feel Good ที่ช่วงส่งต่อพลังบวก น่ารักสดใส และคลายเครียดได้ดีมาก ๆ มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ ใครที่กำลังหาหนังเพลิน ๆ ดูง่าย ห้ามพลาดเลย
รวม 10 หนัง Feel Good ส่งพลังบวก ดูเพลิน คลายเครียด
About Time (2013)
หนังเรื่องแรกที่เรานำมาฝากกัน เป็นหนังแนวโรแมนติก คอมเมดี้ อบอุ่นหัวใจ ที่ให้ข้อคิดเรื่องการเห็นคุณค่าของเวลา การใช้ชีวิตทุกวันให้เต็มที่และมีความสุขที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่สามารถเดินทางย้อนเวลาได้ โดยเขามักย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำผิดพลาดในแต่ละวัน ไปจนถึงการย้อนเวลาเพื่อพิชิตใจสาว หรือนางเอกนั่นเอง
เรื่องนี้เป็นหนังที่ตัวพระเอกนางเอกมีเสน่ห์และน่ารักมาก ๆ บรรยากาศ ฉากต่าง ๆ ในเรื่องล้วนน่าจดจำให้ส่งต่อความอบอุ่นหัวใจให้ดูชมได้เต็ม ๆ ค่ะ ใครที่รู้สึกเหนื่อย ๆ ผิดหวังกับอดีต หรืออยากมองโลกในมุมใหม่ ๆ แนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ
Blind Side (2009)
รักที่ไม่มีเงื่อนไข และจิตใจอันงดงามของใครคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนโลกทั้งใบของใครอีกคนไปตลอดกาล เรื่องราวของเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายผิวดำคนหนึ่งที่ชีวิตไม่มีทั้งบ้าน ครอบครัว โอกาสทางการศึกษา แต่ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับครอบครัวไฮโซมั่งคั่งครอบครัวหนึ่ง ที่ได้รับเขาเป็นลูกบุญธรรม มอบทั้งความอบอุ่น และมอบอนาคตใหม่ให้เขา ทำให้ต่อมาเขาได้กลายเป็นนักอเมริกันฟุตบอลชื่อดังที่ประสบความสำเร็จของอเมริกา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากเรื่องจริงของ ไมเคิล ออร์ เป็นหนังที่อบอุ่นหัวใจมาก ๆ เรื่องหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยค่ะ
The Devil wears Prada (2006)
“I love my job” ประโยคสุดคลาสสิค ที่เหล่าวัยทำงานต้องเคยพูดเพื่อให้กำลังใจตัวเองแน่ ๆ หนังเรื่องนี้โด่งดังทั้งจากเนื้อหาที่สนุกสนาน เสน่ห์ของนักแสดงหลัก และจากคอสตูมสุดจึ้ง ที่เหล่าสายแฟต่างหลงรัก เพราะไอเทมแต่ละชิ้นที่หยิบมาให้นักแสดงใส่นั้นทั้งคลาสสิก และสวยสะกดสุด ๆ
เหนือกว่านั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ให้กำลังใจ เติมไฟ เติมพลังของเหล่าวัยทำงานได้ดีมาก ๆ ให้ข้อคิดเรื่อง Work-Life Balance การเติบโตในการทำงาน การเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ รวมถึงการทำงานที่รัก และรักงานที่ทำ โดยรวมแล้วเป็นเรื่องที่ทั้งสนุก Feel good กลมกล่อม และให้ข้อคิดได้ดีมาก ๆ ค่ะ
The Intern (2015)
หนังอีกเรื่องที่พูดถึงเรื่องราวของวัยทำงาน อีกทั้งยังแทรกเรื่องของการปรับตัวของคนต่าง Gen ที่อบอุ่นหัวใจมาก ๆ ค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายวัยเกษียณวัย 70 คนหนึ่งที่ยังมีไฟในการทำงาน ได้สมัครเข้ามาเป็นพนักงานฝึกหัดอาวุโสในบริษัทสตาร์ทอัพเกี่ยวกับธุรกิจสินค้าแฟชั่นออนไลน์ โดยมีเจ้าของธุรกิจเป็นสาว Gen Y เป็นเจ้าของธุรกิจที่ทั้งมุ่งมั่นทำงานหนัก แต่ต้องแลกมาด้วยความเครียด กดดัน และปัญหาครอบครัว
การโคจรกันระหว่างคนสองเจน ที่ไลฟ์สไตล์ การมองโลก การแก้ปัญหาที่ต่างกัน ก่อเกิดเป็นมิตรภาพ ที่ช่วยเติมเต็ม และเกื้อกูลกันและกัน เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่สอนให้เราเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลง ดูแลสุขภาพใจตนเอง และสอนให้เราเห็นคุณค่าของคนต่างวัยค่ะ
La La Land (2016)
มากันที่หนังแนวโรแมนติกกันบ้างค่ะ เรียกได้ว่าเป็นหนังที่สมบูรณ์แบบทั้งการดำเนินเรื่อง ภาพ เสียง และนักแสดง จนได้รับเสียงวิจารณ์เชิงบวกและรางวัลมากมาย ใครที่ชอบหนังที่มีความฟุ้ง ๆ ภาพสวย เพลงเพราะ ต้องห้ามพลาดเรื่องนี้ค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มหญิงสาว ที่มีความฝันและอยากจะเจิดจรัสเป็นหนึ่งในดวงดาวเปล่งแสงแห่งนครดารา หรือ Los Angeles การโคจรมาพบกันก่อเกิดเป็นความรัก และเกื้อกูลกันให้ต่างฝ่ายเดินตามความฝัน
แต่ความรักและความฝันของทั้งสองจะดำเนินไปพร้อมกันได้ไหม? เป็นเรื่องราวที่ต้องไปติดตามกันค่ะ เป็นหนังที่ให้ข้อคิดและเติมไฟให้เราลุกขึ้นเดินตามความฝันแบบไม่ย่อท้อ ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายเราจะทำสำเร็จไหม ถ้าเราไม่เริ่มค่ะ ใครที่อยากดูหนังสร้างแรงบันดาลใจ ต้องเรื่องนี้เลย
CODA (2021)
หนังครอบครัวอีกเรื่องที่จะทำให้คุณอบอุ่น และหลั่งน้ำตา เรื่องราวของเด็กสาวผู้รักการร้องเพลง แต่เกิดมาในครอบครัวที่พ่อ แม่ และพี่ชายเป็นคนหูหนวก โดยครอบครัวของเธอเป็นชาวประมงที่ไม่ได้ร่ำรวย การเป็นคนเดียวในครอบครัวที่สามารถสื่อสารด้วยเสียงได้ ทำให้เธอต้องกลายเป็นล่ามของครอบครัวไปโดยปริยายและถูกคาดหวังจากครอบครัวว่าเธอจะอยู่ที่เมืองเพื่อดูแลธุรกิจของที่บ้านต่อไป แต่ในขณะเดียวกัน ความฝันของเธอกำลังเบ่งบาน และอยากเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียนร้องเพลงต่อ
เธอต้องเลือกระหว่างความฝันที่ครอบครัวของเธอไม่อาจได้ยิน และความรับผิดชอบต่อครอบครัวของเธอเอง แม้พล็อตเรื่องจะดูดราม่าไปสักหน่อย แต่การดำเนินเรื่องทำให้เรารู้สึกอบอุ่นมาก ๆ แถมเอาใจช่วยตัวละครแบบสุด ๆ ไปเลย
Mamma Mia (2008)
หนังเพลงแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่มีเพลงเพราะ ๆ ให้เราโยกตามไปทั้งเรื่อง เป็นหนังที่ใครชอบทะเลสวย ๆ ต้องปลื้มแน่ ๆ เพราะเซตติ้งอยู่ที่ประเทศกรีซนั่นเองค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่เกิดและเติบโตกับผู้เป็นแม่ที่เกาะแห่งหนึ่งในประเทศกรีซ โดยแม่ของเธอเป็นเจ้าของโรงแรมที่เกาะนั่นเอง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอกำลังจะเข้างานวิวาห์กับแฟนหนุ่ม และอยากเจอพ่อของเธอสักครั้ง แต่ปัญหาคือ ใครคือพ่อของเธอกันนะ?
แต่เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเธอ เพราะเธอเจอชื่อของชาย 3 คนที่แม่ของเธอเคยมีสัมพันธ์ด้วยแต่ติดตรงที่ไม่รู้ว่าคนไหนที่เป็นพ่อของเธอเนี่ยสิ เธอก็เลยเชิญทั้ง 3 คนมางานแต่งของเธอซะเลย จึงเกิดเป็นเรื่องราววุ่น ๆ เมื่อแม่ของเธอต้องเจอรักเก่าทั้ง 3 คนพร้อมกัน บอกเลยว่าเรื่องนี้ทั้งสนุกสนาน ฟิลกู๊ด ซาบซึ้งจนน้ำตาเอ่อแน่นอน
The Parent Trap (1998)
เราอาจมีฝาแฝด อยู่อีกมุมโลกก็ได้นะ เรื่องราวสุดน่ารักของแฝดหญิงคู่หนึ่ง ที่พ่อแม่ตกลงแยกทางกัน ทำให้แฝดทั้งสอง ถูกแยกออกจากกันไปคนละทวีป แต่ได้กลับมาพบกันอย่างบังเอิญเมื่อทั้งสองไปเข้าค่ายฤดูร้อนที่เดียวกัน! ทำให้ทั้งสองรู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วพวกเธอเกิดมาพร้อมกันและเป็นแฝดที่ถูกพรากจากกันนั่นเอง ความซุกซนและอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน ทำให้ทั้งสองสลับตัวกันและกลับบ้านไปหาผู้เป็นพ่อและแม่ที่พวกเธอเหมือนได้พบครั้งแรก เกิดเป็นเรื่องราวสุดอลม่าน น่ารัก น่าเอาใจช่วย และอบอุ่นหัวใจ ดูเพลินอีกเรื่องหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ
The Princess Diaries (2001)
เรื่องต่อมาเป็นเรื่องที่สาว ๆ ต้องถูกใจแน่ ๆ ค่ะ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่วัยเด็กชอบการ์ตูนอย่างบาร์บี้นั่นเอง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่อวเกี่ยวกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เติบโตมากับแม่เลี้ยงเดี่ยว ใช้ชีวิตสุดธรรมดา และไม่เคยพบกับพ่อมาก่อน เธอรู้เพียงแต่ว่าพ่อกับแม่แยกทางกันเพียงเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งย่าของเธอก็ปรากฏตัวขึ้นและบอกว่า ย่าของเธอคือราชินีของประเทศแห่งหนึ่ง พ่อของเธอคือมกุฎราชกุมาร และนั่นทำให้เธอมีฐานะเป็นเจ้าหญิง หรือมกุฎราชกุมารีคนต่อไปนั่นเอง
ความจริงนี้ทำให้โลกของเด็กสาวกลับตาลปัตร โดยเธอต้องได้รับการเทรนด์ให้พร้อมเป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบนั่นเอง เธอต้องเจอกับสถานะทางสังคมที่เปลี่ยนไป ภาพลักษณ์ถูกปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นสาวป็อบ นับเป็นเรื่องราวที่สนุกสนาน น่าติดตามเอาใจช่วยนางเอก และดูเพลินมาก ๆ ค่ะ
Legally Blonde (2001)
มาต่อกับหนังคอมเมดี้ ที่ทั้งสนุก ตลก และให้ข้อคิดได้ดีมาก ๆ เรื่อง Stereotype หรือการเหมารวมนั่นเอง โดยฝรั่งมีค่านิยมที่มักดูถูกผู้หญิงผมบลอนด์ว่าสวยแต่ไม่มีความคิด หรือ Dumb Blonde นั่นเอง แต่หนังเรื่องนี้ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าสาวผมบลอนด์ไม่ได้เป็นแบบที่คนทั่วไปคิด ด้วยภาพแทนอย่างหญิงสาว หรือนางเอกในเรื่อง ที่เป็นสาวผมบลอน์ มีสไตล์ จัดจ้าน และเก่งในแบบของเธอเอง
โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากการที่เธอโดนแฟนหนุ่มของเธอบอกเลิก เพราะสถานะทางสังคมของเขาทำให้ไม่อาจแต่งงานกับ Dumb Blonde ได้นั่นเอง เธอจึงพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการสอบเข้าเรียนกฎหมาย Harvard Law School ที่ที่แฟนหนุ่มของเธอจะเข้าเรียนนั่นเอง แม้พล็อตเรื่องจะดูเคร่งเครียด หรือเป็นเรื่องที่จริงจังไปซักหน่อย แต่บรรยากาศในเรื่องเต็มไปด้วยความสนุกสนาน บันเทิง เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด แถมให้ข้อคิดเรื่องการเป็นตัวเองตัวเอง การพิสูจน์ตัวเอง การไม่หวาดหวั่นการโดนดูถูก เรียกว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ให้ข้อคิดได้ดี และสนุกดูเพลินมาก ๆ ค่ะ