สิว เป็นเรื่องธรรมชาติ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากปัจจัยที่ควบคุมได้ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต การรักษาความสะอาด แต่ยังมีสาเหตุอีกส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ระดับฮอร์โมน ซึ่งมีผลต่อสภาพผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน
ดังนั้นจึงจะเห็นว่า บางคนมีปัญหาสิว สิวอุดตัน สิวอักเสบ มากกว่าคนอื่นๆ และยิ่งไปกว่านั้น ในบางรายเมื่อสิวหายแล้วก็ยังทิ้งรอยดำ รอยแดง หลงเหลืออยู่บนใบหน้าอีก
การรักษาสิวโดยผู้ชำนาญการในคลินิก เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้มีปัญหาเหล่านี้
สิวเกิดจากอะไร?
หากนำผิวหนังของเรามาซูมดู จะเห็นว่าผิวหนังของเรามีรูขุมขนเต็มไปหมด และลึกเข้าไปในผิวหนังของเรายังมีต่อมไขมัน ที่คอยปล่อยไขมันออกมาตามรูขุมขน
รูขุมขนเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะถูกปิดกั้นโดยแบคทีเรีย เซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมถึงสิ่งสกปรกต่างๆ ทำให้ไขมันไม่สามารถระบายออกมาได้จนเกิดการอุดตันกลายเป็นสิวขึ้นในที่สุด
สิวสามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกที่บนร่างกาย แต่ที่พบบ่อยๆ ก็คือใบหน้า หลัง หน้าอก เนื่องจากมีต่อมไขมันจำนวนมาก
5 วิธีรักษาสิว
การรักษาสิวมีหลายวิธี ถ้าสิวไม่มากหรือมั่นใจว่ารักษาความสะอาดได้ดี อาจทำด้วยตนเอง แต่หากกลัวว่าจะเกิดสิวอักเสบหรือติดเชื้อ ควรทำภายใต้การดูแลของผู้ชำนาญการ
ตัวอย่างวิธีรักษาสิวมีดังนี้
1. กดสิว
การกดสิวสามารถใช้ได้กับทั้งสิวหัวขาวและหัวดำ สำหรับสิวหัวขาวนั้นเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันอยู่ภายใน แต่การกดสิวหัวดำเน้นประโยชน์ด้านความสวยงาม
แต่ไม่ควรกดสิวด้วยตัวเองอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด เพราะหากดูแลรักษาความสะอาดไม่ดี หรือหัวสิวที่กดออกมาเกิดสัมผัสกับใบหน้า ก็มีโอกาสติดเชื้อและนำไปสู่การเกิดสิวเพิ่มได้
2. ทายารักษาสิวเฉพาะที่
ปัจจุบันนี้ตัวยาที่สามารถใช้รักษาสิวได้มีหลายชนิด หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น
- เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เป็นตัวยาที่มีอยู่ในครีมทาสิวหลายชนิด ช่วยให้สิวแห้ง ไม่เกิดสิวใหม่ และกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวด้วย
- ซัลเฟอร์ (Sulfur) เป็นส่วนประกอบทางเคมีจากธรรมชาติ เชื่อว่าสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย แต่งานวิจัยยังคงมีอยู่อย่างจำกัด
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic) มักนิยมนำมาใส่ในสบู่ โฟมล้างหน้า และแชมพู เพื่อชำระล้างไม่ให้สิวเกิดการอุดตัน
อย่างไรก็ตาม การใช้ตัวยาแต่ละชนิดควรได้รับคำแนะนำจากผู้ชำนาญการก่อน
บางกรณีหากเกิดการติดเชื้อขึ้นและเป็นสิวเรื้อรังระยะเวลานาน ผู้ชำนาญการจะแนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะแบบรับประทานร่วมด้วย แต่จะใช้เพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
4. มาส์กหน้ารักษาสิว
เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับรักษาสิวหัวขาวและดำ ที่ยังไม่มีรอยแดงหรืออาการเจ็บ
ในขั้นตอนการมาส์กหน้ารักษาสิวจะมีการทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนใบหน้าออกก่อน แล้วค่อยมีกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือใช้มาส์กที่ประกอบด้วยสารซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการผลิตน้ำมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว
มาส์กบางสูตรยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้น หรือฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย
5. เลเซอร์ลดสิว
เลเซอร์หรือการฉายแสงเพื่อรักษาสิวมีหลายประเภท การใช้เลเซอร์ช่วยลดการผลิตไขมันภายในรูขุมขน ช่วยลดการเกิดการอุดตัน ลดการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้ใช้เลเซอร์ลดสิว ร่วมกับใช้ยาต้านเชื้อด้วย
นอกจากนี้เลเซอร์ยังมีส่วนช่วยลดรอยสิวให้จางลงจากการนำเซลล์ผิวชั้นนอกออก ทำให้ผิวหนังสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน
6. ใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยลดสิว
HEMPIR ANTI-ACNE SERUM PLUS HEMP SEED OIL 15 ml
ช่วยลดเชื้อ P.acne และสร้างสมดุลให้ผิว
ช่วยลดการอักเสบของผิว
ช่วยลดอาการระคายเคืองของผิว
ช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระ
ช่วยให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิวเป็นอย่างดี